วันศุกร์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2560

Sony เปิดคัว Xperia XZ1 และ XZ1 Compact


  สำหรับลูกเล่นใหม่จากทาง Sony ก็คือ 3D Creator ที่ทำให้เราสามารถใช้กล้องสแกนวัตถุออกมาเป็นโมเดล 3 มิติได้ ซึ่งสามารถสั่งพิมพ์อกมาผ่าน 3D Printer หรือเล่นกับ AR ได้ด้วย ซึ่งในอนาคตทาง Sony วางแผนที่จะร่วมมือกับผู้พัฒนาเกมส์ในการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีนี้ด้วย ในการให้ผู้เล่นสร้างตัวละครเหมือนตัวเราเข้าไปในเกมได้ XZ1 มีหน้าจอขนาด 5.2 นิ้ว 1080p HDR ส่วน XZ1 Compact จะใช้หน้าจอ 4.6 นิ้ว 720p ทั้งคู่มาพร้อมกระจก Gorilla Glass 5 และกันน้ำและฝุ่นมาตรฐาน IP68 สำหรับราคาในประเทศไทย ยังไม่มีการเปิดเผยอย่างไม่เป็นทางการ ซึ่งราคาของ XZ1 น่าจะอยู่ที่ 25,900 บาท ส่วน XZ1 Compact น่าจะอยู่ที่ 21,900 บาท ทั้งนี้หากมีการประกาศราคาเปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทยเมื่อไหร่ เราจะมาอัพเดทให้อ่านกันอีกครั้งอย่างแน่นอน

ไมโครซอฟท์ เปิดตัว Surface Pro รุ่นใหม่ล่าสุด




   ไมโครซอฟท์ เปิดตัว Surface Pro รุ่นใหม่ล่าสุด ที่มาพร้อมด้วยพลังแบตเตอรี่ ที่ใช้งานต่อเนื่องได้นานถึง 13.5 ชั่วโมง หน้าจอสัมผัส Pixel Sense™ ขนาด 12.3 นิ้ว อัดแน่นไปด้วยขุมพลังจาก Intel 7thGeneration ทำงานได้เร็วกว่า Surface Pro 3 รุ่นเก่าถึง 2.5 เท่า ไม่เพียงแต่ใช้งานได้รวดเร็วขึ้นเท่านั้น Surface Pro รุ่นใหม่ล่าสุดตัวนี้ มาพร้อมการออกแบบดีไซน์ใหม่ "ไร้พัดลม" จึงทำงานได้อย่างเงียบกริบ ไม่มีเสียงพัดลมกวนใจ ตัวเครื่องบางเพียง 8.5 มิลลิเมตร โดยน้ำหนักเริ่มต้นที่ 0.76 กรัม ทำให้สามารถพกพาได้สะดวกสบาย

ที่มา https://news.thaiware.com/11190.html

ระบบ Neural network

  นักวิจัยแห่งสถาบัน Berkeley ได้เปิดเผยรายละเอียดของเทคโนโลยีใหม่ที่สามารถเปลี่ยนรูปภาพให้เป็นโมเดล 3 มิติ ซึ่งถ้าพูดถึงทางเทคนิคแล้วไม่ใช่เรื่องใหม่แต่อย่างใด แต่ที่มันน่าสนใจเพราะว่าผลงานวิจัยชิ้นใหม่นี้ สามารถสร้างโมเดล 3 มิติ ได้จากภาพนิ่งแค่เพียงภาพเดียวในการสร้างโมเดล 3 มิติ จากภาพนิ่ง นักวิจัยได้เปิดเผยรายละเอียดว่า เป็นการนำระบบ Convolutional neural networks (CNN) ที่ผ่านการเรียนรู้รูปแบบการขึ้นรูปวัตถุเป็น 3 มิติ จากโมเดล CAD จากนั้นระบบจะทำการวิเคราะห์รูปภาพกับโมเดล 3 มิติ ที่มีอยู่ในฐานข้อมูล เพื่อวิเคราะห์ความน่าจะเป็นและสร้างเป็นโมเดล 3 มิติ ขึ้นมาหลังจากได้โมเดล 3 มิติ แบบหยาบๆ มาแล้ว ตัว CNN จะจำโมเดลที่ได้มาประเมินผลเทียบกับภาพนิ่งต้นแบบอีกที เพื่อให้ตัวโมเดลมีความแม่นยำมากขึ้นเท่าที่ดูจากผลการทำงานของมันแล้ว ต้องถือว่าน่าทึ่งมากทีเดียว ในอนาคตอาจจะถูกนำมาใช้ช่วยในงานด้านกราฟฟิก ประหยัดเวลาในการทำงานของมนุษย์ไปได้เยอะเลย


Acer Aspire S 24 PC All-in-One




   เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2560 Acer ได้เปิดตัว Aspire S 24 PC All-in-One สุดบาง โดยหน้าจอเป็น IPS แบบเกือบไร้ขอบ มีความบางเพียง 5.97 มม. ขนาด 23.8 นิ้ว ความละเอียด Full HD ใช้ซีพียู 8th Gen Intel Core i5/i7 ฮาร์ดดิสก์สูงสุด 256GB SSD และ 2TB HDD มีลำโพง 2.1 ระบบเสียง Dolby Audio Premium พร้อมเทคโนโลยี Acer TrueHarmony และใช้ระบบปฏิบัติการ Windows 10 Home นอกจากนี้บริเวณฐานตั้งจอเป็นแท่นชาร์จแบตเตอรี่แบบไร้สายที่สามารถชาร์จอุปกรณ์ที่รองรับเทคโนโลยี Qi ได้อีกด้วย  Acer Aspire S 24 จะเริ่มวางจำหน่ายในสหรัฐอเมริกาช่วงต้นปี 2561 ที่ราคาเริ่มต้น $999 หรือประมาณ 35,000 บาท สำหรับการวางจำหน่ายในประเทศอื่น ๆ รวมทั้งประเทศไทยและรายละเอียดสเปคอื่น ๆ ยังไม่มีการเปิดเผยในขณะนี้

ที่มา https://men.kapook.com/view178509.html
    


Apple ลบแอพฯ ของนักพัฒนาชาวอิหร่านออกจาก App Store ตามมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ



  หลังจากที่ประเทศสหรัฐอเมริกาได้เริ่มมาตรการคว่ำบาตรประเทศอิหร่าน หลังจากที่อิหร่านทำการทดลองขีปนาวุธ ซึ่งเป็นการละเมิดมติสหประชาชาติ (UN) ทางบริษัท Apple ก็ได้ยุติการวางจำหน่ายสินค้าและบริการในประเทศอิหร่าน และในขณะนี้ก็กำลังทยอยลบแอพฯ ที่ถูกพัฒนาโดยชาวอิหร่านออกจาก App Store อย่างต่อเนื่อง
สำหรับข้อความที่ Apple ได้ส่งไปให้นักพัฒนาชาวอิหร่าน จะมีใจความประมาณว่า "ภายใต้มาตรการคว่ำบาตรของประเทศสหรัฐอเมริกา App Store ไม่สามารถที่จะเป็นผู้จัดจำหน่ายแอพ หรือทำธุรกิจด้านแอพฯ กับประเทศที่ถูกทางสหรัฐอเมริกาคว่ำบาตรได้" รวมไปถึงแจ้งให้นักพัฒนาหยุดนำเสนอตัวเลือกที่ต้องเสียเงินภายในแอพฯด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้เม็ดเงินจากประเทศอิหร่านไหลเข้าประเทศสหรัฐอเมริกา
  ความเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ยังส่งผลต่อ แอพฯ ยอดนิยม อย่างเช่น Uber, DelionFoods (เหมือน LINE MAN ในบ้านเรา) ถูกถอดออกไปด้วย และเนื่องจาก iOS ไม่สามารถทำ Sideload ได้เหมือนกับ Android (จริงๆ ก็ได้แต่ค่อนข้างยุ่งยาก) การติดตั้งแอพฯ ต้องทำผ่าน App Store เท่านั้น ทำให้ผู้ใช้งานชาวอิหร่านไม่สามารถติดตั้งแอพฯ ลงในเครื่องได้ในขณะนี้

ที่มา https://news.thaiware.com/11158.html



Apple ประกาศวันเปิดตัวของเล่นใหม่อย่างเป็นทางการ



   หลังจากลืมกันมาอย่างยาวนาน อีกไม่กี่วันเราก็จะได้รู้แล้วว่าสิ่งที่ลือมานั้นจะแม่นยำขนาดไหน เพราะ Apple ได้อัพเดทหน้าเว็บไซต์เผยกำหนดการของงานเปิดตัว "ของเล่นใหม่" ออกมาแล้วอย่างเป็นทางการ โดยงานจะจัดขึ้นวันที่ 12 กันยายน ที่ Steve Jobs Theater ใน Apple Park เริ่มตั้งแต่เวลา 10.00 a.m. ซึ่งจะตรงกับเวลาเที่ยงคืน 0.00 a.m. ของวันที่ 13 กันยายน ตามเวลาประเทศไทย
สำหรับในงานนี้ คาดกันว่าเราจะได้เห็นสินค้าใหม่อย่าง iPhone 8, iPhone 7s, iPhone SE2, Apple Watch 3 และ Apple TV 4K ในส่วนของซอฟต์แวร์ก็น่าจะมาครบทั้ง iOS 11, macOS High Sierra, watchOS 4 และ tvOS 11 ที่ได้มีสาธิตไปบ้างแล้วในงาน WWDC 2017 ที่ผ่านมา
ก็อดใจรอกันอีกเพียงไม่ถึงสองสัปดาห์ เราก็จะได้เห็นกันแล้ว ว่าไอโฟนรุ่นใหม่จะน่าสนใจขนาดไหน ซึ่งแน่นอนว่าไทยแวร์จะมาอัพเดทข้อมูลกันให้เพื่อนสมาชิกได้อ่านกันอย่างแน่นอนเหมือนเช่นเคย

Microsoft เปิดตัวระบบปฏิบัติการ Windows 10 Pro for Workstations




                           Microsoft เปิดตัวระบบปฏิบัติการ Windows 10 Pro for Workstations



      Windows 10 Pro for Workstations ถูกออกแบบมาสำหรับใช้งานบนเครื่องระดับเซิฟเวอร์ และผู้ใช้งานระดับ Power user รองรับการทำงานร่วมกับซีพียูหลายตัวพร้อมกันและแรมขนาดใหญ่
นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับระบบไฟล์ Resilient File System (ReFS) ที่ช่วยป้องกันไฟล์ไม่ให้เกิดความเสียหาย และรองรับกับไฟล์ที่มีขนาดใหญ่ได้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม, สนับสนุนการทำงานร่วมกับ Non-volatile memory modules (NVDIMM-N) อีกด้วย ทำให้ความเร็วในการอ่านและเขียนข้อมูลมีความเร็วที่สูงที่สุดเท่าที่ระบบจะรองรับได้, มีระบบ SMB Direct, สนับสนุน Remote Direct Memory Access (RDMA) ที่ช่วยให้ค่า Latency ลดต่ำลงโดยไม่กินทรัพยากรของ CPU
สำหรับฮาร์ดแวร์ที่รองรับการทำงานของ Windows 10 Pro for Workstations ได้ระบุไว้ว่าทำงานได้ทั้ง Intel Xeon และ AMD Opteron โดยใส่ได้สูงสุด 4 ตัวพร้อมกัน ในส่วนของหน่วยความจำรองรับแรมได้สูงสุด 6TB ซึ่ง Windows 10 Pro ในปัจจุบันรองรับ CPU สูงสุดแค่เพียง 2 ตัว และแรมแค่ 2TB เท่านั้น
Windows 10 Pro for Workstations จะมาพร้อมกับ Windows 10 Fall Creators Update ที่จะมาในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ส่วนราคายังไม่มีการเปิดเผย

DJI Spark มีการบังคับให้อัพเดตเฟิร์มแวร์

                            DJI Spark มีการบังคับให้อัพเดตเฟิร์มแวร์ภายในวันที่ 1 กันยายน 2017 ไม่อย่างนั้นก็บินไม่ขึ้นนะ

                           
   ผู้ผลิตโดรนแบรนด์ดังจากแดนมังกรอย่าง DJI กำลังจะปล่อยเฟิร์มแวร์เวอร์ชั่นใหม่สำหรับโดรนรุ่น Spark ซึ่งความพิเศษคือมีการบังคับว่า Spark ทุกลำจะต้องทำการอัพเดตเฟิร์มแวร์เวอร์ชั่นนี้ก่อนวันที่ 1 กันยายน 2017 และถ้า Spark ลำใดที่เจ้าของไม่ยอมอัพเดตเฟิร์มแวร์ ก็จะไม่สามารถขึ้นบินได้เลยทีเดียว โดยที่เฟิร์มแวร์เวอร์ชั่นนี้มีการอัพเกรดความสามารถของเจ้าโดรนลำเล็กอย่าง DJI Spark ในหลายๆ ส่วน แต่สาเหตุที่ทาง DJI ต้องมีการบังคับให้อัพเดตเฟิร์มแวร์เวอร์ชั่นนี้ก็เพราะว่า เป็นการอัพเดตสำหรับแก้ไขปัญหาที่ผู้ใช้งาน Spark หลายๆ คนเคยเจอคือ การที่อยู่ดีๆ เจ้า Spark ก็ร่วงหล่นลงามจากฟ้าแบบไร้สาเหตุ โดยในแถลงการณ์ล่าสุดจากทาง DJI ระบุว่า สาเหตุที่พวกเขาต้องตัดสินใจห้าม Spark ทุกลำที่ยังไม่ผ่านการอัพเดตเฟิร์มแวร์ไม่ให้ขึ้นบิน ก็เพราะสาเหตุทางด้านความปลอดภัยทางการบิน รวมถึงเป็นการเพิ่มความน่าเชื่อถือของผลิตภัณฑ์ โดยที่เจ้าของโดรน Spark จะได้รับการแจ้งเตือนให้อัพเดตเฟิร์มแวร์ผ่านทางแอพ DJI GO 4 หรืือจะทำการอัพเดตผ่านโปรแกรม DJI Assistant 2 บนเครื่องคอมฯ ก็ยังได้ นอกจากการแก้ปัญหาเรื่องความปลอดภัยแล้ว DJI ก็ยังได้อธิบายว่าเฟิร์มแวร์เวอร์ชั่นใหม่นี้ ได้มีการปรับปรุงระบบการจัดการแบตเตอรี่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานแบตเตอรี่ในขณะที่โดรนกำลังทำการบิน และเฟิร์มแวร์เวอร์ชั่นนี้ก็ยังเป็นการอัพเกรดให้สามารถใช้งาน Spark ร่วมกับอุปกรณ์แว่นตา FPV อย่าง DJI Goggles ได้อย่างสมบูรณ์แบบ และก็มีการอัพเกรดความสามารถของฟีเจอร์ PalmLaunch หรือคือการปล่อยให้ Spark บินขึ้นจากมืออีกด้วย รวมถึงมีการเพิ่มประสิทธิภาพในโหมดการบินถ่ายอัตโนมัติแบบ QuickShot





วันพฤหัสบดีที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2560

เทคโนโลยีที่มาแรงปี 2017

1. Virtual Reality (VR) เทคโนโลยีการสร้างภาพเสมือนจริง

มีผู้คร่าหวอดในวงการไอทีบันทึกไว้แล้วว่าตลาดอุปกรณ์สวมศีรษะที่ผู้ใช้จะหลุดเข้าไปในโลกเสมือนอย่าง VR นั้นจะมีเงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 3 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2020 เรียกว่าไม่ต้องสงสัยเลยว่าปี 2017 จะเป็นปีที่ปูทางสู่อนาคตสดใสของโลก VR 
นับจากปี 2015 เรื่อยมาจนถึงปี 2016 เราเห็นอุปกรณ์ VR แพร่หลายขึ้นอย่างชัดเจน การเปิดตัวอุปกรณ์อย่างการ์ดบอร์ด (Cardboard) ในปี 2014 จนถึงเฟซบุ๊ก (Facebook) ที่เปิดตัวอุปกรณ์โอคูลัสลิฟต์ (Oculus Rift) ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา กระทั่งเอชทีซี (HTC) ที่เปิดตัวอุปกรณ์อย่างไวฟ์ (Vive) เมื่อเดือนเมษายน
ด้านซัมซุง (Samsung) นั้นเปิดตัวอุปกรณ์เกียร์วีอาร์ (Gear VR) ก่อนที่โซนี่ (Sony) จะเปิดตัวเพลย์สเตชันวีอาร์ (PlayStation VR) ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ล่าสุดคือเดือนพฤศจิกายนกับกูเกิล (Google) ที่ส่งท้ายปีด้วยการเปิดตัวรุ่นใหม่ตัวจริงของ Cardboard ในชื่อเดย์ดรีมวิว (Daydream View)
รายชื่อยักษ์ใหญ่ไอทีเหล่านี้เป็นเครื่องการันตีว่า VR คือเทคโนโลยีที่ ‘มาแน่นอน’ ในปี 2017 โดยเจ้าพ่ออย่างไมโครซอฟท์ (Microsoft) นินเทนโด (Nintendo) และควอลคอมม์ (Qualcomm) ต่างล้วนมีข่าวลือพร้อมพัฒนาฮาร์ดแวร์เทคโนโลยี VR แต่ยังไม่มีรายละเอียดใดๆ
อย่างไรก็ตาม ความพร้อมของอุปกรณ์ทำให้เกิดแรงกดดันเรื่องคอนเทนต์หรือเนื้อหาวิดีโอเสมือนจริง จุดนี้ ผู้ผลิตอย่างทั้ง Google, Oculus, HTC, Sony, Samsung และเอเซอร์ (Acer) ต่างเปิดตัวอุปกรณ์และระบบเพื่อเอื้อให้วิดีโอ VR มีพัฒนาการที่ดีขึ้น ขณะที่ Google, Oculus และแบรนด์อเมริกันอย่าง Valve เริ่มเปิดศักราช ‘VR marketplaces’ ตลาดให้บริการคอนเทนต์เสมือนจริงเรียบร้อยแล้ว

อ่านต่อ http://ssanetwork.co.th